วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Traveling with Peeps Marshmallow

เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมา ไอย์ได้มีโอกาสนั่งๆนอนๆอยู่บ้านพร้อมกับอาการหวัดกินอยู่หลายวัน เมื่อไม่มีอะไรทำเลยหยิบเอาหนังเก่ามาดู ก็บังเอิญหยิบหนังตลกโง่ๆจากฝรั่งเศสมานอนดู ดูไปง่วงไป แต่มีฉากนึงที่รู้สึกประทับใจมาก คือ ฉากที่นางเอกเอามาร์ชเมลโล่มาจุ่มเคลือบช็อกโกแลต(Dip)กินกับกาแฟ ส่วนเด็กๆก็ปิ้งมาส์ชเมลโล่กินอย่างสนุกสนาน(สรุป ทั้งเรื่องเนื้อเรื่องดูผ่านๆ แต่ฉากนี้จำได้แม่นเลย -*-)น่ากินสุดๆ จริงๆแล้วไม่ชอบกินมาร์ชเมลโล่เลย แต่อยากลองทำให้คนอื่นกิน เพราะมันดูนุ่มนิ่มดี

ก่อนหน้านี้เคยคิดจะทำแต่ไม่ได้ทำสักที วันนี้เลยลอง Seach หาวิธีทำ หาไปหามา เจอวิธีการทำจากคุณแม่บ้านเยอะแยะ ว่าจะทำหลังจากซื้อเครื่องตีส่วนผสม ^0^


แต่บังเอิ๊ญ บังเอิญ Search ไป Search มาดันไปเจอกับ Photo Contest ของเว็บบล็อกจาก National Geographic Traveler ชื่อว่า "Peeps In Place"

Peeps?? มันคืออะไรหว่า ไม่เคยได้ยินเลย เห็นจากภาพแล้วตกลงมันเป็นดินน้ำมันหรืออะไร เลยค้นหาอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็พบคำตอบแล้วค่ะ


Peeps Marshmallow เป็นบริษัทผลิตมาร์ชเมลโล่เคลือบน้ำตาลรุ่นเก๋าที่ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศอเมริกา และนอกจากจะเก่าแก่แล้ว ตอนนี้ Peeps Marshmallow ได้เป็นที่นิยมทั่วโลกแล้วอีกต่างหาก (แต่ในเมืองไทยมีขายที่ไหน อันนี้ก็ไม่ทราบค่ะ) ไอย์เลยคิดว่าเพราะ Peeps Marshmallow ต้องการจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ณ ตอนนี้ Peeps Marshmallow ขยายไปทั่วโลกแล้วจริงๆนะ

ซึ่งการประกวดครั้งนี้จะต้องถ่ายเจ้าตัวมาร์ชเมลโล่สีสันสดใส ยี่ห้อ Peeps Marshmallow กับสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในโลกนี้ แล้ว Upload ลงเว็บนี้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://ngm.nationalgeographic.com/myshot/ ส่วนของรางวัลคืออะไรคงบอกไม่ได้เพราะไม่รู้ -*-

เรามาดูผลงานบางส่วนจากผู้ที่ร่วมการประกวดครั้งนี้กันเลยดีกว่าค่ะ

จากญี่ปุ่น

จากโรม

จากอียิปต์

จากจอร์เจียร์

จากอเมริกา


หวังว่าอีกไม่นานก็จะมีจากประเทศไทยเช่นเดียวกันค่ะ ชอบ Project นี้จริงๆ ^-^ ดูผลงานอื่นๆได้ ที่นี่ ค่ะ

ที่มา :
http://blogs.nationalgeographic.com/blogs/intelligenttravel/photography/

http://www.marshmallowpeeps.com/

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Idea drops on the Umbrella

ฝนตก-แดดออก ฝนตก-แดดร้อน ฝนตก-แดดแรง

เมื่อพูดถึงฝนตก หรือ แดดออก สมองของคนปกติ มักจะวาดรูปออกมาเป็นรูปร่มใช่มั๊ยคะ ซึ่งร่มนั้นก็เปรียบเสมือนเกาะป้องกันการเปียกของเรานี่เอง ยิ่งอากาศแบบนี้เราควรพกร่มไปไหนมาไหนจะเยี่ยมที่สุด

แต่ครั้งนี้ เรามาดูไอเดียสร้างสรรที่เปลี่ยนร่มให้เป็นมากกว่ากันฝนจากหลากหลายสมองกันดีกว่าค่ะ

ซึ่งครั้งนี้ขอเสนอตอน 'ร่มกันฝน แต่ไม่ได้กันสมอง'







วันศุกร์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2553

DATA Table Wood by Kazuyasu Kochi

เป็นที่รู้กันดีว่า โต๊ะทำงานเป็นอีกหนึ่งสมบัติล้ำค่าของชาวออฟฟิตทุกคน ถามว่ามันจำเป็นอย่างไร ขอตอบว่า นอกจากเป็นโต๊ะว่า Computer, Laptop, ชุดเครื่องเขียน, โทรศัพท์, แก้วน้ำ, กองเอกสาร รวมถึงการเป็นที่พักหัวแล้ว มันยังทำหน้าที่เป็นมุมสร้างไอเดียและจินตนาการต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยบางครั้งโต๊ะก็สามารถช่วยในการทำงานเป็นทีมได้ และถ้าจะเป็นโต๊ะที่ดีควรเป็นโต๊ะใหญ่ที่สามารถนั่งสร้างไอเดียบรรเจิดไปพร้อมๆกันได้ และควรมีมุมประชุมเล็กๆอยู่ใกล้ๆ

โจทย์ข้อนี้ได้ถูกตีแตกด้วยบริษัทออกแบบภายใต้นามของดีไซเนอร์ชื่อดังจากญี่ปุ่น Kazuyasu Kochi ผู้สร้างไอเดีย DATA Table Wood เพื่อการทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Function การทำงานของโต๊ะตัวนี้ ซึ่ง Kazuyasu Kochi ได้แรงบรรดาลใจจากต้นไม้ และนำมาใช้ประโยชน์โดยการจัดที่นั่งของพนักงานตามรอยโค้งเว้าของรูปทรง

จริงๆแล้วเป็นเพียงแค่โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่นำผ้าดำมาคลุมเท่านั้น

ผลงานนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไรมากมายนัก เพียงแค่ใช้ความคิดในการจัดตำแหน่งก็ได้สุดยอดไอเดียแล้ว ^_______^

ไปไสไม้ทำเป็นโต๊ะทำงานในบ้านทรงนี้บ้างดีกว่า (ถ้ามีพื้นที่นะ T3T)

P.S. งานเหล่านี้เป็นงานที่มีลิขสิทธิ์แล้วนะคะ อย่าเลียนแบบเลย สงสารเหล่าดีไซเนอร์บ้างอะไรบ้างเถอะค่ะ (แต่ถ้าดัดแปลงอันนี้ไม่รู้เหมือนกัน -*-)

ติดตามผลงานของพวกเขาได้โดยการ Searching: Kazuyasu Kochi ค่ะ

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Knitting: Totoro VS Blythe

ว่าด้วยเรื่องของตุ๊กตา Blythe

เนื่องจากว่า อยากรู้ว่าตุ๊กตา Blythe มีดีตรงไหน และบวกกับอยากรู้วิธีการถักนิตติ้งให้เป็นตุ๊กตา เลยได้ผลลัพย์ที่น่ารักออกมา ที่จริงแล้วเป็นคนที่กลัวตุ๊กตา Blythe ในระดับหนึ่ง แต่พอได้พบ Website รวมรูปภาพผลงานของนักถักนิตติ้งที่นำตุ๊กตา Blythe มาเป็นนางแบบ และได้ออกแบบชุดที่น่ารักน่าหลงหลากหลายรูปแบบ ครั้งนี้ขอลงเฉพาะแบบที่ชอบก่อนนะคะ รูปอื่นๆติดตามได้ที่ www.flickr.com/people/neuart
Totora Version

Blueberry Cheese Pie

อากาศร้อนๆอย่างนี้ เรามาทำ “Blueberry Cheese Pie” แบบง่ายๆกันดีกว่าค่ะ



อุปกรณ์สำหรับ 3 ถาด:
1. คุกกี้โอริโอ (เอาครีมออก) 5 แพ็ค
2. เนยจืด 1 ก้อนใหญ่
3. ครีมชีส 1 ก้อนใหญ่
4. นมข้นหวาน 1 กระป๋องเล็ก
5. บลูเบอร์รี่ 1 กระป๋อง
6. มะนาว 3/4 ซีก
7. ถาดพายแบบมีฝาปิด 3 ถาด

ขั้นตอนการทำ:
1. นำแครกเกอร์หรือคุกกี้มาบดให้ไม่ต้องละเอียดมากก็ได้ สามารทำได้ทั้งการใช้ครกตำหรือใช้เครื่องบด
2. ละลายเนยครึ่งก้อนในไมโครเวฟ ค่อยๆเทและผสมเนยลงไปในแครกเกอร์ จนกระทั่งแครกเกอร์ดูเหมือนทรายเปียกน้ำและเริ่มจับตัวได้
3. เพิ่มความหวานให้กับแครกเกอร์ โดยใส่นมข้นหวานประมาน 3-4 ช้อนโต๊ะสำหรับแครกเกอร์ และ 2-3 ช้อนโต๊ะสำหรับโอริโอ จากนั้นผสมต่อไป ควรลองชิมดูระหว่างเติมแต่ละช้อน อย่าให้หวานมากเกินไป
4. นำแครกเกอร์ใส่ถาดพาย 2 ทัพพี จากนั้นใช้ช้อนตบให้แน่น เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นประมาน 10 นาที
5. นำครีมชีสออกมาตั้งทิ้งไว้จนหายเย็น หรือนำเข้าไมโครเวฟให้ครีมชีสมีอุณหภูมิปกติ ตีครีมชีสให้ละลายจนเป็นเนื้อครีมเดียวกัน ใส่นมข้นหวาน 4-5 ช้อน ผสมให้เข้ากัน จากนั้นลองชิม บีบมะนาว 3/4 ซีก เพื่อให้ครีมชีสมีกลิ่นหอมของมะนาว
6. นำถาดพายที่มีแครกเกอร์แข็งตัวแล้วออกมา ตักครีมชีสที่ผสมเนื้อครีมเรียบร้อยแล้วประมาณ 1(1/2) ทัพพี ปาดเนื้อครีมชีสให้สวยงาม นำไปแช่ต่อประมาน 20 นาที
7. พอครีมชีสแข็งตัว นำบลูเบอร์นี่มาใส่ได้ตามต้องการ จากนั้นตัดทานได้เลยค่ะ

ภาพที่นำมาใช้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้ทำค่ะ เนื่องจากมีเวลาแต่ไม่มีแรงจูงใจค่ะ ฮาๆ อาจจะดูขำๆไปหน่อย แต่อร่อยมากนะ (ทดลองกับคนรอบข้างแล้ว) ลองทำดูแล้วกันค่ะ^-^


คำถาม:
ทำไมเราถึงเรียก Blueberry ทำไมไม่เรียกว่า Purpleberry เพราะจริงๆแล้วมันเป็นสีม่วงไม่ใช่สีน้ำเงินซะหน่อย เอ๊ะหรือว่ามันเป็นสีน้ำเงิน??

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Sea Scape

วันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่อยากลงรูปน้ำทะเลสีใสและหาดทรายสีขาวเท่านั้นค่ะ

Miss you, Koh Tao ^3^


วันเสาร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Modren Animals

ยินดีต้อนรับสู่บ้านหลังใหม่ ของ A Sweet Sunday 123 นะคะ ได้ฤกษ์เขียน Blog นี้ซักที ในที่สุดก็มีเวลาเขียนแล้ว เนื่องจากช่วงนี้งานยังไม่ค่อยเข้าค่ะ ^-^

ซึ่งในวันที่น่ายินดีอย่างนี้ ขอเปิดบล็อก ด้วยภาพวาดผลงานที่แสดงให้เห็นความนุ่มนวลของสัตว์นานาชนิด ดั่งเช่นมนุษย์



Berkley Illustration เป็นการทำงานของกราฟฟิกดีไซต์เนอร์ที่นำสัตว์ชนิดต่างๆทั้งดุร้ายและน่ารัก มาสื่อออกมาได้อย่างน่าอบอุ่น โดยเน้นลายเส้นขนสัตว์ได้อย่างน่าดูชม



ครั้งแรกที่ไอย์ได้พบเห็นภาพวาดของ Berkley ก็คิดว่าเป็นภาพ Illustration แน่นอน จนกระทั่งหา Website ของเขา และก็ถึงบางอ้อว่า จริงๆแล้ว Berkley สร้างผลงานชิ้นนี้ด้วยมือทั้ง 2 ของเขาเอง ว้าว!



ด้วยแนวคิดที่น่ารักนี้เองทำให้ภาพวาดของเขามักจะได้นำไปใส่กรอบอยู่เสมอ ใครสนใจผลงานเหล่านี้สามารถสั่งซื้อหรือติดตามผลงานของพวกเขาได้ที่ www.letsshare.typepad.com ค่ะ ^-^